|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
17,0020,001,อนิจจวรรคที่ ๒
|
|
17,0020,002,อนิจจสูตรที่ ๑
|
|
17,0020,003,ว่าด้วยความเป็นอนิจจังแห่งขันธ์ ๕
|
|
17,0020,004,[๓๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้:
|
|
17,0020,005,สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิก
|
|
17,0020,006,เศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้วตรัสว่า
|
|
17,0020,007,ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง.
|
|
17,0020,008,ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป แม้ในเวทนา
|
|
17,0020,009,แม้ในสัญญา แม้ในสังขาร แม้ในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด
|
|
17,0020,010,จึงหลุดพ้น. เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว. อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดว่า
|
|
17,0020,011,ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
|
|
17,0020,012,จบ สูตรที่ ๑.
|
|
17,0020,013,๒. ทุกขสูตรที่ ๑
|
|
17,0020,014,ว่าด้วยความเป็นทุกข์แห่งขันธ์ ๕
|
|
17,0020,015,[๔๐] พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นทุกข์ เวทนาเป็น
|
|
17,0020,016,ทุกข์ สัญญาเป็นทุกข์ สังขารเป็นทุกข์ วิญญาณเป็นทุกข์. อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่
|
|
17,0020,017,อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่น
|
|
17,0020,018,เพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
|
|
17,0020,019,จบ สูตรที่ ๒.
|
|
17,0020,020,๓. อนัตตสูตรที่ ๑
|
|
17,0020,021,ว่าด้วยความเป็นอนัตตาแห่งขันธ์ ๕
|
|
17,0020,022,[๔๑] พระนครสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็นอนัตตา เวทนา
|
|
17,0020,023,เป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย
|
|
|