Book,Page,LineNumber,Text
36,0035,001,หมู่สัตว์ผู้เป็นไปตามกรรมด้วยประการฉะนี้ เมื่อธรรมเครื่องสืบต่อมีอยู่ไม่ขาด
36,0035,002,สาย เธอก็จะบรรลุผลสำเร็จในจุตูปปาตญาณนั้น ๆ โดยแน่นอน.
36,0035,003,ถ้าเธอหวังอยู่ว่า เราพึงทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหา
36,0035,004,อาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน
36,0035,005,เข้าถึงอยู่ เมื่อธรรมเครื่องสืบต่อมีอยู่ไม่ขาดสาย เธอก็จะบรรลุผลสำเร็จใน
36,0035,006,เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตตินั้น ๆ โดยแน่นอน.
36,0035,007,จบอุปกิเลสสูตรที่ ๓
36,0035,008,
อรรถกถาอุปกิเลสสูตร
36,0035,009,พึงทราบวินิจฉัยในอุปกิเลสสูตรที่ ๓ ดังต่อไปนี้ :-
36,0035,010,บทว่า น จ ปภสฺสรํ คือ ไม่สว่างไสว. บทว่า ปภงฺคุ จ
36,0035,011,คือ มีสภาพผุพัง. บทว่า อโย คือ โลหะดำ (เหล็ก). บทว่า โลหํ ได้แก่
36,0035,012,โลหะที่เหลือเว้นโลหะ ๔ ที่ตรัสไว้แล้วในที่นี้. บทว่า สชฺฌุํ ได้แก่ เงิน.
36,0035,013,บทว่า จิตฺตสฺส ได้แก่ กุศลจิตอันเป็นไปในภูมิ ๔. ถามว่า อุปกิเลส
36,0035,014,ย่อมมีแก่กุศลจิตอันเป็นไปในภูมิ ๓ ยกไว้ก่อน แต่จะมีแก่โลกุตรภูมิได้อย่างไร.
36,0035,015,ตอบว่า โดยไม่ให้กุศลจิตเกิดขึ้น. อุปกิเลสทั้งหลายไม่ให้กุศลจิตเกิดขึ้นโดย
36,0035,016,ส่วนใด ชื่อว่า อุปกิเลสทั้งหลายก็ย่อมมีทั้งแก่โลกิยกุศลจิต ทั้งแก่โลกุตร-
36,0035,017,กุศลจิต โดยส่วนนั้นนั่นเอง. บทว่า ปภงฺคุ จ ได้แก่ มีสภาพผุพัง
36,0035,018,เพราะแหลกละเอียดไปในอารมณ์. บทว่า สมฺมาสมาธิยติ อาสวานํ ขยาย
36,0035,019,ได้แก่ ย่อมตั้งมั่นด้วยเหตุการณ์เพื่อประโยชน์แก่พระอรหัตกล่าวคือความสิ้นไป
36,0035,020,แห่งอาสวะทั้งหลาย. ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ทรงแสดงถึงพระขีณาสพผู้ชำระจิต