Book,Page,LineNumber,Text 36,0021,001,อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน 36,0021,002,มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เพราะวิตกวิจารสงบไป บรรลุทุติย- 36,0021,003,ฌาน อันเป็นความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตก- 36,0021,004,วิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ เพราะปีติสิ้นไป เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ 36,0021,005,มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลาย 36,0021,006,สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข บรรลุจตุตถฌาน 36,0021,007,อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขและทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้ 36,0021,008,มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ นี้เรียกว่า กำลัง คือ สมาธิ. ก็กำลัง 36,0021,009,คือ ปัญญาเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มี 36,0021,010,ปัญญาประกอบด้วยปัญญาที่หยั่งถึงความเกิดและความดับ เป็นอริยะ ชำแรก 36,0021,011,กิเลสเป็นเครื่องให้ถึงความสิ้นไปแห่งทุกข์โดยชอบ นี้เรียกว่า กำลัง คือ 36,0021,012,ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำลัง ๕ ประการนี้แล. 36,0021,013,จบวิตถตสูตรที่ ๔ 36,0021,014,

อรรถกถาวิตถตสูตร

36,0021,015,พึงทราบวินิจฉัยในวิตถสูตรที่ ๔ ดังต่อไปนี้ :- 36,0021,016,บทว่า สติเนปกฺเกน นี้ ปัญญาท่านเรียกว่า เนปักกะ (ปัญญา 36,0021,017,รักษาตน). ท่านถือเอาปัญญานั้นโดยความเป็นอุปการะแก่สติ. 36,0021,018,จบอรรถกถาวิตถสูตรที่ ๔