Book,Page,LineNumber,Text
26,0026,001,คือมัจจุ. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปฏิเสธสมุจเฉทมรณะเป็นต้นด้วยบท
26,0026,002,ว่า มจฺจุมรณํ นั้น. สภาวะที่ทำที่สุด ชื่อว่ากาละ. การกระทำซึ่งกาละ
26,0026,003,นั้น ชื่อว่า กาลกิริยา. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงมรณะ โดยโลก
26,0026,004,สมมติ ด้วยบทว่า กาโล นั้น ด้วยประการฉะนี้.
26,0026,005,บัดนี้เพื่อจะทรงแสดงโดยปรมัตถ์ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
26,0026,006,ขนฺธานํ เภโท ดังนี้เป็นต้น. จริงอยู่ เมื่อว่าโดยปรมัตถ์ ขันธ์เท่านั้น
26,0026,007,แตก. ใคร ๆ ที่ชื่อว่าสัตว์ ย่อมไมตาย. แต่เมื่อขันธ์แตก สัตว์ย่อมตาย
26,0026,008,จึงมีโวหารว่า เมื่อขันธ์แตก สัตว์ก็ชื่อว่าตาย. ก็ในที่นี้ พึงทราบความ
26,0026,009,แตกแห่งขันธ์ด้วยอำนาจจตุโวการภพ (ภพที่มีขันธ์ ๔ เว้นรูปขันธ์)
26,0026,010,พึงทราบการทอดทิ้งร่างด้วยอำนาจเอกโวการภพ (ภพที่มีขันธ์ ๑ คือรูป-
26,0026,011,ขันธ์) และพึงทราบความแตกแห่งขันธ์ ด้วยอำนาจจตุโวการภพ. พึง
26,0026,012,ทราบการทอดทิ้งร่างด้วยอำนาจภพ ๒ ที่เหลือ. เพราะเหตุไร. เพราะ
26,0026,013,ร่าง กล่าวคือรูปกาย เกิดในภพทั้ง ๒. อีกอย่างหนึ่งก็เพราะขันธ์ใน
26,0026,014,จำพวกเทพชั้นจตุมหาราช ย่อมแตกเหมือนกัน ไม่ทอดทิ้งอะไร ๆ ไว้
26,0026,015,ฉะนั้น พึงทราบความแตกแห่งขันธ์ด้วยอำนาจเทพเหล่านั้น. ในหมู่สัตว์
26,0026,016,มีมนุษย์เป็นต้น มีการทอดทิ้งร่างไว้. ก็ในที่นี้พึงเห็นเนื้อความอย่างนี้ว่า
26,0026,017,ความตายเพราะทอดทิ้งร่างไว้ ท่านกล่าวไว้ว่า กเฬวรสฺส นิกฺเขโป.
26,0026,018,คำว่า อิติ อยญฺจ ชรา อิทญฺจ มรณํ อิทํ วุจฺจติ ภิกฺขเว นี้ ท่าน
26,0026,019,กล่าวรวมทั้งสองเข้าเป็นอันเดียวกันว่า ชรามรณํ ดังนี้.
26,0026,020,ในชาตินิเทศ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-