Book,Page,LineNumber,Text 18,0017,001,เป็นเครื่องนำออก ไม่มีในภายนอกแต่ 18,0017,002,ธรรมวินัยนี้. 18,0017,003,สมณะแม้ที่ ๒ ก็ไม่มี สมณะแม้ที่ ๔ ก็ไม่มี ลัทธิของศาสดาอื่นว่างเปล่าจาก 18,0017,004,สมณะผู้รู้ทั่วถึง. ก็ท่านประสงค์เอาผู้ปรารภวิปัสสนาว่า ปเทสวตฺตี ในมหา 18,0017,005,ปรินิพพานสูตรนั้น. เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงกระทำผู้ปรารภวิปัสสนาเพื่อ 18,0017,006,โสดาปัตติมรรคผู้ตั้งอยู่ในมรรค ผู้ตั้งอยู่ในผล แม้ทั้ง ๓ ดังกล่าวเข้าด้วยกัน 18,0017,007,แล้ว ตรัสว่า แม้สมณะก็ไม่มีดังนี้. ทรงกระทำผู้ปรารภวิปัสสนาเพื่อสกทา- 18,0017,008,คามิมรรคผู้ตั้งอยู่ในมรรค ผู้ตั้งอยู่ในผล แม้ทั้ง ๓ ดังกล่าวเข้าด้วยกัน 18,0017,009,ตรัสว่า สมณะแม้ที่ ๒ ก็ไม่มี. ในบททั้ง ๒ แม้นี้ ก็นัยนี้เช่นเดียวกัน. ก็สมณะ 18,0017,010,เหล่านั้น ไม่มีในลัทธิอื่น เพราะเหตุไร. เพราะลัทธิอื่นนั้นไม่มีเขต. 18,0017,011,ก็เมล็ดผักกาดย่อมไม่ตั้งอยู่ในปลายเหล็กแหลม ไฟไม่ลุกโพลงในหลังน้ำ พืช 18,0017,012,ทั้งหลายย่อมไม่งอกในแผ่นหิน ฉันใด สมณะเหล่านี้ย่อมไม่เกิดในลัทธิเดียรถีย์ 18,0017,013,ภายนอก ฉันนั้นเหมือนกัน. ในศาสนานี้เท่านั้น. เพราะเหตุไร. เพราะ 18,0017,014,ศาสนานี้มีเขตดี. ก็ความที่ลัทธิเดียรถีย์ไม่มีเขต และความที่ศาสนานี้มีเขตนี้นั้น 18,0017,015,พึงทราบโดยความไม่มี และความมีอริยมรรค. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า 18,0017,016,จึงตรัสว่า ดูก่อนสุภัททะ มรรคมีองค์แปดอันประเสริฐอันบุคคลไม่ได้ในธรรม 18,0017,017,วินัยใดแล แม้สมณะก็ไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น สมณะแม้ที่ ๒ ก็ไม่ได้ใน 18,0017,018,ธรรมวินัยนั้น สมณะแม้ที่ ๓ ก็ไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น สมณะแม้ที่ ๔ ก็ไม่ได้ใน 18,0017,019,ธรรมวินัยนั้น ดูก่อนสุภัททะ มรรคมีองค์แปดอันประเสริฐย่อมได้ในธรรม 18,0017,020,วินัยใดแล แม้สมณะย่อมได้ในธรรมวินัยนั้น สมณะแม้ที่ ๒ ก็ย่อมได้ใน 18,0017,021,ธรรมวินัยนั้น ฯลฯ สมณะแม้ที่ ๔ ก็ย่อมได้ในธรรมวินัยนั้น ดูก่อนสุภัททะ 18,0017,022,มรรคมีองค์แปดอันประเสริฐย่อมได้ในธรรมวินัยนั้นแล ดูก่อนสุภัททะ 18,0017,023,สมณะมีในศาสนานี้เท่านั้น สมณะที่ ๒ ก็มีในศาสนานี้ สมณะที่ ๓ ก็มีใน