|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
34,0027,001,ความจริง พระเจ้าปากิตนันทะ ไม่มีกิจที่จะต้องกระทำด้วย
|
|
34,0027,002,ชาติ และฐานะเป็นต้นเลย. แต่ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงนำเหตุการณ์นี้มา
|
|
34,0027,003,ก็เพื่อทรงแสดงบุคคล ๓ จำพวก ซึ่งเปรียบด้วยพระราชานั้น เพราะฉะนั้น
|
|
34,0027,004,พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงบุคคลเหล่านั้น จึงตรัสคำว่า <B>เอวเมว
|
|
34,0027,005,โข ภิกขเว</B> เป็นต้น.
|
|
34,0027,006,บรรดาบทเหล่านั้น ในบทว่า <B>อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ</B> นี้
|
|
34,0027,007,พึงทราบว่า จตุปาริสุทธิศีล อาศัยบรรพชานั่นแล. บทว่า <B>สรณียํ โหติ</B>
|
|
34,0027,008,ความว่า (สถานที่ที่ภิกษุปลงผมและหนวดแล้ว ครองผ้ากาสาวพัสตร์ ออก
|
|
34,0027,009,จากเรือนบวชเป็นผู้ไม่มีเรือนนี้) เป็นสถานที่ที่ภิกษุจะต้องระลึกไว้ คือไม่ลืม
|
|
34,0027,010,ตลอดชีวิตเลยทีเดียว อย่างนี้ว่า เราบวชแล้วที่โคนต้นไม้โน้น ในที่จงกรม
|
|
34,0027,011,โน้น ในโรงอุปสมบทโน้น ในวิหารโน้น ในชนบทโน้น ในรัฐโน้น.
|
|
34,0027,012,บทว่า <B>อิทํ ทุกขํ</B> ความว่า ทุกข์มีเพียงเท่านี้ ไม่มีทุกข์นอกเหนือ
|
|
34,0027,013,ไปจากนี้. บทว่า <B>อยํ ทุกฺขสมุทโย</B> ความว่า เหตุเกิดทุกข์มีเพียงเท่านี้
|
|
34,0027,014,ไม่มีเหตุเกิดทุกข์นอกเหนือไปจากนี้. แม้ในสองบทที่เหลือ ก็มีนัยนี้แล.
|
|
34,0027,015,พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสโสดาปัตติมรรคไว้ด้วยสัจจะ ๔ ในสูตรนี้
|
|
34,0027,016,ดังพรรณนามาฉะนี้. ส่วนกสิณบริกรรม และวิปัสสนาญาณ อาศัยมรรคทั้งนั้น.
|
|
34,0027,017,บทว่า <B>สรณียํ โหติ</B> ความว่า (สถานที่ที่ภิกษุได้สำเร็จเป็นพระ-
|
|
34,0027,018,โสดาบัน) เป็นสถานที่ที่ภิกษุจะต้องระลึกไว้ คือ ไม่ลืมตลอดชีวิตว่า เรา
|
|
34,0027,019,สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ที่ควงต้นไม้โน้น ฯลฯ ในรัฐโน้น. บทว่า <B>อาสวานํ
|
|
34,0027,020,ขยา</B> แปลว่า เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย. บทว่า <B>อนาสวํ เจโต
|
|
34,0027,021,วิมุตฺตึ</B> ได้แก่ ผลสมาธิ. บทว่า <B>ปญฺาวิมุตฺตึ</B> ได้แก่ผลปัญญา. บทว่า
|
|
34,0027,022,<B>สยํ อภิญฺา สจฺฉิกตฺวา</B> ความว่า การทำให้ประจักษ์ด้วยปัญญาอัน
|
|
|