|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
26,0017,001,เห็นแล้ว จึงไม่มี. ก็เพราะเหตุที่<B>พระผู้มีพระภาคเจ้า</B>พระองค์นั้นไม่ทรง
|
|
26,0017,002,สงสัยว่าอย่างไร ทรงข้ามความสงสัยได้ ขจัดความสงสัยในธรรมทั้งปวง
|
|
26,0017,003,ได้ ฉะนั้น การถามตัดความสงสัยของพระองค์ จึงไม่มี ส่วนการถาม
|
|
26,0017,004,๒ อย่างที่เหลือ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ยังมีอยู่ บัณฑิตพึงทราบว่า
|
|
26,0017,005,ในคำถาม ๒ อย่างนั้น การถามเพื่อใคร่จะตรัสตอบเสียเอง ดังต่อไปนี้ :-
|
|
26,0017,006,บัดนี้ <B>พระผู้มีพระภาคเจ้า</B>เมื่อทางจำแนกปัจจยาการด้วยการถาม
|
|
26,0017,007,นั้น จึงตรัสว่า <B>อวิชฺชาปจฺจยา ภิกฺขเว สงฺขารา</B> เป็นต้น. ก็ในคำว่า
|
|
26,0017,008,<B>อวิชฺชาปจฺจยา ภิกฺขเว สงฺขารา</B> เป็นต้นนั้น พึงทราบวินิจฉัย ดังต่อไป
|
|
26,0017,009,นี้ :- เปรียบเหมือนบุคคลเริ่มกล่าวว่า เราจักพูดถึงบิดา ย่อมพูดถึงบิดา
|
|
26,0017,010,ก่อนว่า บิดาของติสสะ บิดาของโสณะ ฉันใด พระผู้มีพระภาคเจ้า
|
|
26,0017,011,ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทรงเริ่มเพื่อตรัสปัจจัย เมื่อตรัสถึงธรรมมีอวิชชา
|
|
26,0017,012,เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้น โดยนัยเป็นต้นว่า <B>อวิชฺชา-
|
|
26,0017,013,ปจฺจยา สงฺขารา</B> ดังนี้แล้ว จึงตรัสถึงธรรมที่อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น. แต่
|
|
26,0017,014,ในที่สุดแห่งอาหารวรรค <B>พระผู้มีพระภาคเจ้า</B>จึงตรัสธรรมแม้ ๒ อย่าง
|
|
26,0017,015,ว่า ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงปฏิจจสมุปบาท (การอาศัยกันและกัน
|
|
26,0017,016,เกิดขึ้น) และปฏิจจสมุปปันนธรรม แก่เธอทั้งหลาย.
|
|
26,0017,017,ก็บัดนี้ พึงทราบวินิจฉัยในคำว่า <B>อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา</B> เป็นต้น
|
|
26,0017,018,ดังต่อไปนี้. อวิชชานั้นด้วย เป็นปัจจัยด้วย ชื่อว่าอวิชชาเป็นปัจจัย.
|
|
26,0017,019,เพราะเหตุนั้น พึงทราบเนื้อความโดยนัยนี้ว่า สังขารย่อมเกิดมีเพราะ
|
|
26,0017,020,อวิชชาเป็นปัจจัย. ในคำว่า <B>อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา</B> นี้ มีความย่อเท่านี้
|
|
26,0017,021,แต่ว่าโดยพิสดาร อนุโลมปฏิจจสมุปปาทกถา ซึ่งเกิดพร้อมกันทุกอย่าง
|
|
26,0017,022,ท่านกล่าวไว้แล้วในคัมภีร์วิสุทธิมรรค เพราะเหตุนั้น อนุโลมปฏิจจ-
|
|
|